วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

จอร์จ เวอาห์ ตอน2


จอร์จ เวอาห์ต้องเลือกว่าจะเรียนต่อหรือเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เวอาห์มองเห็นว่าฟุตบอลจะเป็นหนทางสู่ความสำเร็จของเขา ในเดือนธันวาคม 1987 เวอาห์ได้ข้อเสนอให้เล่นกับทีมทงเนเร่ สโมสรในคาเมรูน

ในปี 1988-1992 เวอาห์ได้ไปร่วมทีมโมนาโก

โดยในฤดูกาล1988-1989 เขายิงประตูได้ถึง14ประตูจากการลงเล่น28นัด

และในปี1989 เขาก็คว้ารางวัลนักฟุตบอลอาฟริกันยอดเยี่ยมมาครองได้ ( เขาได้รางวัลนี้อีก2ครั้งในปี1994และ1995) แต่จุดสูงสุดในอาชีพของเขาเริ่มขึ้นนับตั้งแต่เขาย้ายไปอยู่กับมิลานในปี1995 ซึ่งเขาคว้าได้ทั้งนักฟุตบอลโลกยอดเยี่ยมและนักฟุตบอลยุโรปยอดเยี่ยมในปีเดียวกัน ถึงจะมีชื่อเสียงจากการเป็นนักฟุตบอลแต่เวอาห์ก็ไม่ลืมงานการกุศล เขาร่วมงานกุศลอย่างต่อเนื่อง

และในปี1997 เขาได้เป็นทูตของยูนิเซฟเพื่อช่วยรณรงค์โครงการเกี่ยวกับโรคเอดส์ในอัฟริกา

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

จอร์จ เวอาห์

จอร์จ เวอาห์
จอร์จ เวอาห์เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1966 ในคลาร่า ทาวน์ที่เมืองมอนโรเวีย โดยมีคุณย่าของเขา เอ็มม่า คลอนจาเรจ์ บราวน์เป็นคนเลี้ยงดู เหมือนเช่นกับเด็กยากจนทั้งหลายในไซบีเรีย เขาชอบเล่นฟุตบอลและไม่นานเขาก็ฉายแววเวอาห์หวังว่าการเรียนจะช่วยให้เขาพ้นความยากจน เขาได้เข้าเรียนประถมที่โรงเรียนมุสลิม คองเกรสและต่อระดับมัธยมที่โรงเรียนเวลส์ แฮร์สตัน
จอร์จ เวอาห์ใช้ความสามารถในการเล่นฟุตบอลเพื่อให้ได้ทุนในการเรียนต่อ ต่อมาเขาได้เล่นให้หลายสโมสรในไลบีเรียโดยเริ่มจากการเป็นผู้รักษาประตูให้ทีมยัง เซอร์ไวเวอร์ แล้วต่อมาเขาไปเล่นให้ทีมบอง เรนจ์ ยูไนเต็ด ทีมไมตี้ บาร์โรลล์ และทีมอินวินซิเบิ้ล อีเลฟเว่นและระหว่างที่เล่นให้ทีมอินวินซิเบิ้ล อีเลฟเว่นนี่เองที่ความสามารถของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักจนติดทีมชาติ
จอร์จ เวอาห์ช่วยให้ทีมอินวินซิเบิ้ล อีเลฟเว่นคว้าแชมป์ประเทศในปี1986-87 และเขาก็ได้รับตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าและดาวยิงสูงสุดอีกด้วย ระหว่างที่เล่นฟุตบอล จอร์จ เวอาห์ก็ยังต้องทำงานเป็นช่างโทรศัพท์ที่บรรษัทไลบีเรีย เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ ซึ่งเขาทำงานที่นี่จนกระทั่งขาออกนอกไปค้าแข้งนอกประเทศ



วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

เดิร์ก เคาท์


เดิร์ก เคาท์ Dirk kuyt

หมายเลขในทีม 18

ตำแหน่ง กองหน้า

วันเกิด 22 กรกฎาคม 1980

ส่วนสูง 1.83m.

น้ำหนัก 78.00kg

ลงเล่นทีมชาติ 22ครั้ง

ยิงประตูในทีมชาติ 4 ประตู

กองหน้าชาวดัช เดิร์ก เคาท์ กลายเป็นนักเตะคนที่ 6 ที่ราฟาเอล เบนิเตซจับเซ็นสัญญา ในช่วงซัมเมอร์ของฤดูกาล 2006 ไคท์นั้นย้ายมา จากเฟเยนูร์ดในเดือนสิงหาคมล่าสุดไคท์ลงเล่น ในศึกเวิร์คคัพ กับทีมชาติฮอลแลนด์ และก็ยังเป็นนักเตะ ที่เบนเตซนั้นชื่นชมมานานเขาทำผลงานให้กับสโมสรเก่า เฟเยนูร์ดไว้อย่างมากมาย โดยยิงประตู 71 ประตู จากการลงเล่น 101 เกมในลีกดัช และฤดูกาลหนึ่งๆ ก็ทำประตูได้ 20 ประตู หรือมากกว่านั้น มาตั้งแต่ปี 2002 ไคท์ถือว่า เป็นนักเตะที่มีไหวพริบดีมาก และก็เล่นบอลกลางอากาศได้ดีอีกด้วยเขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพ ที่สโมสร FC Utrecht ในปี 1998 ก่อนที่ย้ายมา เฟเยนูร์ดในปี 2003 เดือนกันยายนปี 2004 เป็นการลงเล่นทีมชาติ ครั้งแรกของเขา และก็ทำประตูแรก ให้กับฮอลแลนด์ได้ ในนัดที่เจอกับทีมชาติมาเซโดเนียเคาท์ กลายเป็นนักเตะดัช คนที่ 5 ที่เล่นให้ลิเวอร์พูล ต่อจาก Sander Westerveld, Erik Meijer, โบโล เซนเด้น และ แยน ครอมแค้มป์

วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

คริสเตียน ซีเก้


คริสเตียน ซีเก้

ตำแหน่ง กองหลัง

เกิด 1 กุมภาพันธ์ 1972 ที่เบอร์ลิน, เยอรมัน

สโมสร ที่เคยร่วมทีมด้วย บาเยิร์น มิวนิค, เอซี มิลาน, มิดเดิ้ลสโบรช์, สเปอร์, โบุรสเซีย มึนเช่นกลัดบัดลิเวอร์พูล

โดยลิเวอร์พูลซื้อมาจาก มิดเดิ้ลสโบีรช์ ด้วยค่าตัว 5,500,000 ปอนด์ เมื่อ 25 สิงหาคม 2005

ติดทีมชาติ เยอรมัน 72 นัด

ลงสนามให้ทีมชาตินัดแรกพบกับ จอร์เจีย เมื่อ 10 มิถุนายน 1993

ลงสนามให้ลิเวอร์พูลนัดแรก 9 กันยายน 2000

ลงสนามให้ลิเวอร์พูลนัดสุดท้าย 28 เมษายน 2001

สถิติกับลิเวอร์พูล ลงสนามทั้งหมดทุกถ้วย 32 เกม

ทำได้ 2 ประตู

เกียรติประวัติกับลิเวอร์พูล

คริสเตียน ซีเก้ วิงแบ็คซ้ายประสบการณ์สูงของทีมชาติเยอรมัน ถือเป็นนักเตะบิ๊กเนมที่ เชราร์ อุลลิเย่ร์ ดึงตัวมาร่วมทีมเมื่อปี 2005 โดยคว้าตัวมาจาก มิดเดิ้ลสโบรช์ ทีมร่วมลีก หลังจากที่ ซีเก้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมสิงห์แดงในการค้าแข้งที่อังกฤษซีเก้ผ่านการเล่นให้กับสโมสรในระดับท็อปมามากมาย เป็นทีมระดับแชมเปี้ยนทั้งสิ้นทั้ง บาเยิร์น มิวนิค ที่เขาเติบโตขึ้นมา หรือกับ เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่ของยุโรป กับประสบการณ์ในทีมชาติของเขาเองก็ใช่ย่อยซีเก้ ติดทีมชาติตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปีดี ยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติเยอรมันมาตลอด ผ่านทั้งศึกฟุตบอลโลกและศึกยูโรมาหลายสมัยที่แอนฟิลด์ ซีเก้ ได้ลงวาดลวดลายในตำแหน่ง วิงแบ็คซ้าย โดนถูกดันขึ้นไปเล่นเป็นมิดฟิลด์หลายครั้ง แต่ผลงานของเขากลับไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่เคยเห็น ไม่ว่าจะเป็นการครอสบอลที่แม่นยำ การยิงฟรีคิก ซีเก้ ไม่เคยทำได้ดีเหมือนอย่างที่เคยทำให้กับ เดอะ โบโร่ บวกกับปัญหาอาการบาดเจ็บที่คอยรบกวนเขามาตลอด ทำให้สภาพความฟิตของ ซีเก้ เองนั้นไม่ถึงจุดที่ทำได้ดีที่สุดเสียที1 ฤดูกาลของเขาที่แอนฟิลด์ จึงถือว่าน่าผิดหวังมาก เมื่อเทียบกับความคาดหวังของ อุลลิเย่ร์ และ แฟน ๆ ซีเก้ โดนขายต่อให้กับ สเปอร์ ซึ่งที่นั่นเขาก็ยังสลัดอาการบาดเจ็บออกไปไม่หมด ได้ลงสนามไม่กี่นัดท้ายที่สุดก็โดนลอยแพต่อไปให้กับ กลัดบัด ทีมในบุนเดสลีกา ซึ่งที่นี่เขาเรียกชีวิตใหม่กลับมา กลับมาเป็นซีเก้ที่ฟิตสมบูรณ์แต่อายุอานามก็โรยราไปเกินกว่าจะกลับมาเป็นผู้เล่นบิ๊กเนมอีกครั้ง

ปัจจุบัน คริสเตียน ซีเก้ แขวนสตั๊ดแล้วกับ กลัคบัคหลังจากมีปัญหากับอาการบาดเจ็บรบกวน

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

มุสตาฟา ฮัดจิ


มุสตาฟา ฮัดจิ

ตำแหน่ง กองกลาง

วันเกิด 16/11/1971

สัญชาติ โมร็อกโก
มุสตาฟา ฮัดจิกัปตันทีมโมร็อกโก
สโมสรเดิม โคเวนทรี, ลา คอรุนญ่า, สปอร์ติ้ง ลิสบอน, น็อง
มุสตาฟา ฮัดจิ เป็นดาวเตะพรสวรรค์สูงคนหนึ่งของโมร็อกโก ที่จำเป็นต้องย้ายออกจากโคเวนทรี เนื่องจากทีมตกชั้น และไม่อาจจะสู้ค่าเหนื่อยของเขาไหว ทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังพร้อม ที่จะช่วยทีมให้กลับขึ้นมาสู่พรีเมียร์ชิพด้วยซ้ำ
แต่ทีมก็ต้องการเงินจากการขายเขามากกว่า รวมทั้งการที่ วิลล่ายอมแถมตัวจูเลี่ยน โจอาชิม ให้กับโคเวนทรีด้วย ทำให้ทีมช้างกระทืบโรง ไม่อาจจะปฏิเสธข้อเสนอดีๆ เช่นนี้ลงได้ ทำให้เขาต้องย้ายมาวิลล่าในที่สุดฮัดจิมีสไตล์การเล่นที่เดาทางได้ยาก สำหรับคู่แข่ง ทำให้เขาเล่นได้ทั้งกองกลางและกองหน้า
เนื่องจากความเฉียบขาดในการยิงประตูนั่นเอง และก็กลายมาเป็นกัปตันทีมโคเวนทรี ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่อาจช่วยทีมให้รอดพ้นการตกชั้นได้ การที่วิลล่าได้ตัวเขามา ก็จะทำให้เกมรุกของทีมดีขึ้นอีกอย่างแน่นอน
ก่อนย้ายมาค้าแข้งที่อังกฤษกับโคเวนทรี มุสตาฟา ฮัดจิได้พิสูจน์ถึงความสามารถของเขาให้เป็นที่ประจักษ์ ถึงความสามารถที่แท้จริงของเขาแล้ว ในการเล่นให้กับน็องจากฝรั่งเศส และย้ายไปสปอร์ติ้งลิสบอนของโปรตุเกส แล้วก็ย้ายไปเล่นให้กับเดปอร์ติโบลาคอรุณญ่าทีมสุดยอดของสเปนในยุคนั้น
มุสตาฟา ฮัดจิยังมีดีกรีเป็นถึงนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกา ซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งตลอดกาลของทีมชาติโมร็อกโก




วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

ลาลีกาสเปน2009-2010

อีกหนึ่งระดับที่น่าลิ้มลอง
ความสำเร็จของสโมสรสเปน จากศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ทีผ่านๆมา เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดอย่างหนึ่งถึงความแข็งแกร่ง ของลาลีกา ลีกสูงสุดของเมืองกระดิงดุสเปนที่ไม่ได้ด้อยไปกว่า พรีเมียชิพ อังกฤษ กัลโซ่เซเรียอา อิตาลี บุนเดสลีกา เยอรมัน หรือแม้แต่ลีกเอิง ฝรั่งเศส ทีเป็นลีกหนังของยุโรปที่คุ้นเคยกัน
ความฮือฮาในตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงปิดฤดูกาล ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์อันน่าหลงไหลที่บรรดานักเตะจากทั่วโลกต่างกระสันที่อยากจะมาค้าแข้งยังดินแดนแห่งนี้ ดังที่รีลมาดริดได้กว้านซื้อนักเตะระดับแถวหน้ามาได้มากมาย ในช่วงฤดูกาลนี้ เช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกมาจากอ้อมอกปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ริคาร์โด้ กาก้า จากเอซี มิลาน คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงจากลียง ทำให้ฤดูกาลนี้ทีมรีลมาดริดเป็นที่จับตาจากแฟนๆฟุตบอลทั่วโลกว่า จะไปได้ไกลแค่ไหนในเส้นทางลุ้นแชมป์ ทัง้ในลีกเองที่ต้องขับเคี่ยวกับบาร์เซโลนา คู่แข่งตลอดดกาล และในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ ที่มียอดทีมทั่วทั้งยุโรป คอยจ้องที่จะเขี่ยโคตรทีมจากสเปนให้ออกพ้นจากเส้นทางลุ้นแชมป์
ทีมที่น่าจับตามองที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้ก็มี รีลมาดริด กับ บาร์เซโลนา ส่วนทีมม้ามืดก็มี
บาเลนเซีย เซบีญ๋า เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า และรีลมายอร์ก้า

เควิน ฟิลลิปส์


เควิน ฟิลลิปส์ เกิดเมื่อ 25 ก.ค. 2516 ที่ฮิตชิน สูง 5 ฟุต 7 นิ้ว หนัก 11 สโตน เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมบัลด็อกก่อนจะถูกทีม “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด ซื้อตัวมาร่วมทีมเมื่อ 19 ธ.ค. 1994 ด้วยค่าตัวเพียง 10,000 ปอนด์เท่านั้น
ช่วงแรกที่อยู่ที่วัตฟอร์ด ฟิลลิปส์ไม่เป็นที่เตะตามากนัก แต่แววของเครื่องจักรถล่มประตูก็ทำให้ซันเดอร์แลนด์ตัดสินใจจ่ายค่าตัวกว่า 325,000 ปอนด์ ซื้อตัวมาร่วมทีมเมื่อ 17 ส.ค. 1997 และกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะเขากลายเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดเท่าที่สโมสรเคยมีมาเลยทีเดียว
ฟิลลิปส์กลายเป็นดาวยิงผู้ร้อนแรงโดยเฉพาะในฤดูกาล 1997-98 นั้นเขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดในดิวิชั่น 1 อังกฤษ โดยยิงประตูได้ถึง 35 ประตูทำลายสถิติเดิมที่ไบรอั้น คลัฟ ทำไว้เมื่อปี 1961-62 ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีในเนชั่นไวด์ ลีก หรือดิวิชั่น 1 อังกฤษ รวมแล้ว 2 ฤดูกาลที่เขาเล่นให้ทีม “เรือรบ” เขายิงประตูรวมกันถึง 60 ประตูเลยทีเดียว
เมื่อซันเดอร์แลนด์ผงาดขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ไม่มีใครเชื่อว่าฟิลลิปส์จะสร้างผลงานได้ดี แต่ถึงตอนนี้ศูนย์หน้าวัย 26 ยิงไปแล้ว 23 ประตู ในฤดูกาลนี้นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดในพรีเมียร์ลีก เข้าตาเควิน คีแกน กุนซือทีมชาติอังกฤษ เรียกติดทีมชาติอังกฤษเป็นนักแรกในนัดที่อุ่นเครื่องกับฮังการีที่บูดาเปสต์เมื่อเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว
แฟนบอลซันเดอร์แลนด์ตั้งฉายาเขาว่า “ซูเปอร์เคฟ” เนื่องจากเป็นกองหน้าที่มีความเร็วสูง จังหวะชาร์จเข้าทำประตูมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือเป็นกองหน้าที่ยิงประตูได้ดีทั้งสองเท้า แม้ว่ารูปร่างจะไม่สูงใหญ่แต่ก็ทำประตูจากลูกโหม่งได้ดีเช่นกัน
ตอนนี้ฟิลลิปส์ค่าตัวพุ่งสูงขึ้นไปถึง 12 ล้านปอนด์ และมีทีมดังอย่างสเปอร์ อาร์เซนอล แอสตั้น วิลล่า และเชลซีให้ความสนใจ
แต่ซันเดอร์แลนด์เตรียมเสนอสัญญาใหม่ให้อีก 5 ปี ด้วยรายได้ 25,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และศูนย์หน้าวัย 26 ไม่เคยต้องการย้ายทีม เป้าหมายสูงสุดของเขาในตอนนี้ก็คือตัวหลักในทีมชาติอังกฤษและต้องการติดทีมไปเล่นในศึกยูโร’ 2000 รอบสุดท้ายกลางปี 2543
เควิน ฟิลลิปส์คือนักเตะรองเท้าทองคำ ปี 1999-2000 ด้วยจำนวนสกอร์ขนาดมาตรฐานกำลังดีคือ 30 ประตู ในขณะที่รุดฟานนิสเตลรอย(สมัยอยู่พีเสวี ไอน์โฮเฟ่น) คว้ารองเท้าเงิน โดยยิงไป 29 ประตู ส่วนมาริโอ ยาร์เดลถึงแม้ฤดูกาลนี้จะยิงได้ถึง 38 ประตู(สมัยอยู่เอฟซี ปอร์โต) แต่ค่าสัมประสิทธิ์ของลีกโปรตุเกสต่ำกว่าลีกอื่น จึงได้แค่รองเท้าบรอนซ์ไปครอง